วันอังคารที่ 11 มกราคม 2565 นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการร่วมเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ครั้งที่ 1/2565 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์และผ่านระบบการประชุมออนไลน์ (Zoom Meeting) ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการร่วมครั้งนี้ เป็นการประชุมครั้งที่ 3 สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการร่วม เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 และเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 สำหรับการขับเคลื่อนนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพัฒนาภาคการเกษตรไทยไปสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยคณะกรรมการร่วม ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการใน 4 ด้านหลัก เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ได้แก่ 1) ด้านข้อมูล 2) ด้านแพลตฟอร์มกลาง 3) ด้านการกำหนดคุณภาพ มาตรฐาน และตรวจสอบย้อนกลับ และ 4) ด้านการพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด ที่มีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ เข้าร่วมเป็นประธานคณะอนุกรรมการ และได้ร่วมกันผลักดันงานในแต่ละด้าน โดยมีผลเป็นรูปธรรม ดังนี้
1) ด้านการสร้างและใช้ข้อมูลจากฐานเดียวกัน (Single Big Data) ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ร่วมกันจัดทำระบบฐานข้อมูลร่วม “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” พร้อมฟังก์ชันระบบเตือนภัย (Warning) สินค้าเกษตรสำคัญ 3 ชนิด ได้แก่ มันสำปะหลัง ทุเรียน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ขณะนี้ได้เผยแพร่บน www.คิดค้า.com และนำตัวเชื่อมข้อมูล (Link Banner) แสดงบนเว็บไซต์กระทรวงพาณิชย์ www.moc.go.th และเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ www.nabc.go.th และมีสินค้าเกษตรเป้าหมายที่อยู่ระหว่างพัฒนาระบบฐานข้อมูล อีก 3 ชนิด คือ ข้าว ปาล์มน้ำมัน และยางพารา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2565 นอกจากนี้ จะร่วมกันพิจารณาแนวทางการจัดทำระบบฐานข้อมูลร่วมพืชแห่งอนาคต (Future Crop) ที่ไทยมีศักยภาพ เพิ่มเติมอีกด้วย
2) ด้านการจัดทำแพลตฟอร์มกลาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เพื่อใช้เป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกร กลุ่มสหกรณ์ และผู้ประกอบการ ในรูปแบบ B2B (Business-to-Business) อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ร่วมกันขับเคลื่อนสร้างให้มีแพลตฟอร์มกลาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ในรูปแบบ B2B (Business-to-Business) รองรับการค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยต่อยอดจากแพลตฟอร์ม Thaitrade.com และแพลตฟอร์ม Phenixbox.com ซึ่งได้เชื่อมโยงช่องทางเป็นศูนย์กลางการค้าสินค้าเกษตรไทยไว้บนหน้าเฉพาะ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” บนเว็บไซต์ www.moc.go.th ทั้งนี้ ได้พัฒนาสหกรณ์การเกษตรนำร่องรวมจำนวน 26 สหกรณ์ขึ้นจำหน่ายบนทั้งสองแพลตฟอร์ม และได้จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Online Business Matching) ระหว่างสหกรณ์การเกษตรและผู้ซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมคู่เจรจา 100 คู่เจรจา เกิดมูลค่าการซื้อขาย 82,460,000 บาท โดยจะดำเนินการต่อยอด สินค้าประมง และสินค้าปศุสัตว์ต่อไปในระยะที่ 2
3) ด้านการสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพ มาตรฐาน ความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ร่วมกับเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ได้เห็นชอบการขับเคลื่อนการสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพ มาตรฐาน ความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับ โดยนำร่องสินค้า 2 รายการ คือ ทุเรียน และข้าว โดยกลุ่มข้าวได้แก่ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทุ่งกุลาร้องไห้ จังหวัดร้อยเอ็ด กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอินทรีย์ จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดสุรินทร์ และกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนภูเขาไฟ จังหวัดศรีสะเกษ และมีกลุ่มเป้าหมายที่กำลังดำเนินการต่อเนื่องในสินค้าข้าว ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสินเหล็ก จ.อำนาจเจริญ และข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ จ.ศรีสะเกษ และ จ.ร้อยเอ็ด รวมทั้งสินค้าทุเรียน ในกลุ่มกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนป่าละอู จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย. 2565
4) ด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้ดำเนินการร่วมกับอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ตั้งเป้าพัฒนาเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้ส่งออก ให้ผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ มีสินค้านำร่อง 4 สินค้า ได้แก่ ข้าว ทุเรียน นมโค และกุ้งขาว และได้ดำเนินการพัฒนากำลังคนในภาคการเกษตรไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 6,268 ราย ประกอบด้วย เกษตรกรและกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้บริโภคและผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และนักวิชาการและเจ้าหน้าที่ โดยมีเป้าหมายสินค้าที่จะดำเนินการต่อ ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์สินค้าข้าว พืชไร่ และพืชสวน 2) ผลิตภัณฑ์สินค้าผลไม้ 3) ผลิตภัณฑ์สินค้าปศุสัตว์ และ 4) ผลิตภัณฑ์สินค้าประมง คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ (เกษตรกรและกลุ่มเกษตรกร 40,235 ราย ผู้ประกอบการ 450 ราย ผู้บริโภคและผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร 500 ราย นักวิชาการและเจ้าหน้าที่ 665 ราย) รวมทั้งสิ้นจำนวน 41,850 ราย งบประมาณทั้งสิ้น 188,623,378 บาท
นอกจากนี้ สืบเนื่องจากราคาจำหน่ายสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มได้มีการปรับสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากผลผลิตสุกรออกสู่ตลาดลดลง โดย Pig Board คาดว่าผลผลิตสุกรขุนลดลงร้อยละ 40 ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการร่วม จึงได้มีการหารือถึงแนวทางในการเพิ่มปริมาณผลผลิตสุกรในระบบ เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ โดยเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการต่อไป