กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดประชุมติดตามความคืบหน้าผลการดำเนินงานภายใต้คณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการปราบปรามและจับกุมผู้กระทำผิด ได้ผลการดำเนินงานเป็นรูปธรรม 3 ระยะ 1) แลกเปลี่ยนข้อมูล ลงพื้นที่ร่วมกันและแถลงข่าวการจับกุมเพื่อเตือนภัยให้ประชาชนทราบ 2) พัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลไว้ที่ส่วนกลาง เพิ่มความเร็วให้เจ้าหน้าที่ในการทำงาน และ 3) ปรับปรุงกฎหมายของ ปปง. ให้ชัดเจนครอบคลุมการกระทำความผิดยิ่งขึ้น
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) ครั้งที่ 2 ณ ห้องประชุมมโนปกรณ์นิติธาดา ชั้น 12 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ว่า ในวันนี้ (27 พฤศจิกายน 2567) ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเชิญหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การทำงานของคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามฯ เข้าร่วมประชุมจำนวน 10 หน่วยงาน ได้แก่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมการจัดหางาน กรมการท่องเที่ยว กรมที่ดิน และกรมสรรพากร โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประชุมในครั้งที่ 1 ที่ประชุมได้มีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินงานปราบปราม การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนอมินี (Nominee) และมูลค่าความเสียหายเป็นประจำทุกเดือนเพื่อจะได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเป็นข้อมูลสำคัญเพื่อพร้อมปรับปุรงแผนดำเนินการให้สอดรับกับปัจจุบัน
รมช.พณ. กล่าวต่อว่า “สำหรับการประชุมครั้งที่ 2 นี้ ได้ข้อสรุปแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) เป็นแผน 3 ระยะ คือ แผนระยะสั้น ดำเนินการภายใน 3 เดือน ขณะนี้ได้ดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ซึ่งได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ประกอบกับลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินี และร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้กระทำผิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตือนภัยให้ประชาชนระมัดระวังตัวและทราบถึงการกระทำผิดในรูปแบบต่างๆ แผนระยะกลาง จะดำเนินการภายใน 12 เดือน เป็นการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลแต่ละหน่วยงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานกลาง ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และจะได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้กระทำผิด และแผนระยะยาว ใช้เวลาดำเนินการตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป เป็นการปรับปรุงหรือเพิ่มเติมฐานความผิดมูลฐานจากการกระทำความผิดฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวภายใต้กฎหมายของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการ ฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อกำหนดให้การแก้ไขกฎหมายมีความชัดเจนและครอบคลุมการกระทำผิดมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานที่กล่าวไปข้างต้นจะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) เพื่อกำกับดูแลและป้องปราม รวมถึงสืบสวน สอบสวน หรือตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคลและ นิติบุคคลที่อาจมีพฤติกรรมเป็นนอมินีร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยแผนการดำเนินการนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้วภายใต้การบูรณาการการทำงานร่วมกันของคณะอนุกรรมการฯ อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะมีการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีประสิทธิภาพและมีผลการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม ที่สำคัญจะทำให้ประชาชนและนักลงทุนไทยเกิดความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจและไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้กระทำผิด อีกทั้ง เชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยไม่เพิกเฉยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดยกระทรวงพาณิชย์จะเร่งติดตามการดำเนินงานพร้อมหารือถึงความคืบหน้าร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นระยะต่อไป” รมช.พณ. กล่าวทิ้งท้าย