นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ข้าวเปลือกในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคอีสาน จึงได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และกรมการค้าภายใน ประชุมกับสมาคมโรงสี สมาคมโรงสีภาคอีสาน และพาณิชย์จังหวัด เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 เกี่ยวกับสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิในภาคอีสาน พบว่า สถานการณ์ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิเกี่ยวสดปัจจุบันอยู่ที่ 11,000 – 11,300 บาท/ตัน คิดเป็นข้าวแห้งที่ความชื้น 15% อยู่ที่ 14,200 – 14,600 บาท/ตัน แต่ในช่วงที่ผ่านมาภาคอีสานบางพื้นที่มีฝนตกชุก และชาวนาเร่งเกี่ยวทำให้ข้าวเปลือกมีความชื้นสูงมาก ทำให้ได้ราคาที่ลดลงตามคุณภาพ อยู่ที่ 10,700 บาท/ตัน คิดเป็นข้าวแห้งความชื้น 15% อยู่ที่ 13,800 บาท/ตัน แต่จากนี้ไปฝนได้ทิ้งช่วงแล้วทำให้ข้าวที่เก็บเกี่ยวความชื้นลดลง จึงเชื่อว่าราคาข้าวเปลือกหอมมะลิในภาคอีสานจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทางโรงสียินดีที่จะรับซื้อข้าวเพื่อช่วยชาวนาอย่างเต็มที่ และกรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือให้ช่วยรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาในราคาที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้มอบหมายสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดเร่งเปิดตลาดนัดข้าวเปลือกเพิ่มเติมจากขณะนี้ที่เปิดไปแล้ว 46 จุดใน 27 จังหวัด ให้ครอบคลุมการรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาในทุกพื้นที่ รวมทั้งได้ประสานให้โรงสีนอกพื้นที่เข้าไประดมช่วยรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาเพิ่มเติมอีกด้วย จึงเชื่อว่าสถานการณ์ราคาจากนี้น่าจะปรับสูงขึ้น
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยังเปิดเผยต่อไปอีกว่า จากภาวะอากาศที่ดีขึ้นพบว่าชาวนา ได้นำเข้ามากตากเพื่อนำเข้ายุ้งฉางเพื่อเข้าโครงการชะลอการขายของรัฐบาลที่ตั้งเป้าหมาย 3 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยชาวนาจะได้รับเงินค่าฝากเก็บ 1,500 บาท/ตัน และได้รับเงินจาก ธ.ก.ส. ไปใช้จ่ายก่อนโดยไม่ต้องเร่งขาย โดยข้าวเปลือกหอมมะลิ อยู่ที่ 12,000 บาท/ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ อยู่ที่ 10,500 บาท/ตัน ข้าวปทุมธานีและข้าวเหนียว อยู่ที่ 10,000 บาท/ตัน ข้าวเจ้า อยู่ที่ 9,000 บาท/ตัน แต่ถ้านำไปฝากเก็บที่สหกรณ์ ชาวนาก็จะได้รับเงินช่วยเหลือค่าฝากเก็บละ 500 บาท/ตัน ส่วนสหกรณ์ได้ 1,000 บาท/ตัน นอกจากนี้ หากไปขายข้าวเปลือกที่สหกรณ์ก็จะได้รับราคาข้าวเปลือกเกี่ยวสดที่ความชื้นไม่เกิน 25% ในราคา 12,200 บาท/ตัน สำหรับเงินช่วยเหลือค่าบริหารจัดการ ไร่ละ 1,000 บาท รายละไม่เกิน 20 ไร่ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติวงเงินไปแล้ว จำนวน 56,321 ล้านบาท ก็จะได้ดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีชาวนาโดยเร็วต่อไป หากชาวนามีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้าน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดจะได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป