นายภัณฑิล จงจิตรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายยรรยง พวงราช ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ตลาดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จ.เพชรบุรี
นายภัณฑิลฯ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า “วันนี้ตนได้รับมอบหมายจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ตลาดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จ.เพชรบุรี โดยร้านค้าในตลาดมีความพร้อมเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อกระตุ้นเศรฐกิจ
กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมการค้าภายใน ได้เตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการร้านค้าปลีกค้าส่ง ในการรองรับประชาชนที่จะเข้ามาร่วมจับจ่ายใช้สอยในโครงการนี้ ทั่วประเทศ 878 อำเภอ ซึ่งในปัจจุบันเรามีร้านค้าธงฟ้าทุกอำเภอ กว่า 140,000 ร้านค้า และ ผู้ประกอบการในนามนิติบุคคลครอบคลุมกว่า 900,000 ร้านค้า ทั้งนี้ ยังมีร้านค้าในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้เตรียมความพร้อมของข้อมูลเพื่อใช้เชื่อมต่อกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พร้อมที่จะเข้าสู่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ นายศุภชัย อรัญญิก เจ้าของร้านขนมหวาน บุญสม ลูกสาวแม่ปิ่น ที่อยู่ในตลาด กล่าวว่า "ยินดีและมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ คิดว่าจะเพิ่มกำลังการซื้อและการจับจ่ายใช้สอยเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ “
นายภัณฑิล กล่าวเพิ่มเติมว่า “ต้องแจ้งในเบื้องต้นว่าโครงการนี้ไม่ได้เอาเงินมาแจก แต่เป็นการเอาเงินมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในความคาดหวังเพื่อให้เงินไหลเข้าไปสู่ทุกอำเภอ ทุกตำบล ในชุมชน โดยให้ชาวบ้านทุกคนได้มีส่วนร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ โดยวันนี้เองผมก็ได้เข้ามา ตรวจเยี่ยมร้านค้าที่ตลาดกลางทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีพี่น้องประชาชนจำนวนมาก เราจึงมีความจำเป็นมารับฟังร้านค้าว่ามีความพร้อมขนาดไหน โดยเฉพาะปัจจุบัน รัฐบาลเข้ามาในช่วงที่มีปัญหาเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศ ผมมีโอกาสได้คุยในร้านค้าต่างๆและได้เห็นว่าทุกคนมีเสียงสะท้อนว่าเศรษฐกิจซบเซา ยอดรายได้ยังไม่นิ่ง มีเข้ามาบ้าง ซบเซาบ้าง ก็คิดว่าตรงนี้เป็นปัญหาที่เราเข้าใจและเราไม่กลัวที่จะหาวิธีการใหม่ ๆ เข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะโครงการดิจิตอลวอลเลต รัฐบาลนำเสนอนโยบายและนำเสนอต่อรัฐสภาว่าเราจะเดินหน้าทำจริงแน่นอนและปลายปีนี้เงินจะเข้ากระเป๋าของทุกคนแน่นอน 10,000 บาทเพื่อช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจตรงนี้ไปด้วยกัน“