Header Image
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ในวันศุกร์ที่ 5 กันยายน ๒๕๖๘ ณ หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ
watermark

          นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ณ หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยมีพลโท ชนินทร์ สิงหนาทนิติรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 3 กอ.รมน. นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนางสาวนุสรา กาญจนกูล อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ เอกชน เจ้าของสิทธิ และหน่วยงานต่างประเทศ ร่วมทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญากว่า 1.5 ล้านชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 900 ล้านบาท เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประเทศคู่ค้าและนักลงทุน ตลอดจนร่วมมือเครือข่ายพันธมิตรด้านการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มแข็ง ปกป้องผู้บริโภคจากผลกระทบของสินค้าละเมิดฯ ที่ด้อยคุณภาพ
         นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ เดินหน้าปราบปรามการละเมิดอย่างจริงจัง ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งพิธีทำลายของกลางฯ ถือเป็นอีกกลไกสำคัญของการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสภายใต้พันธกรณีในกรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และมีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยของกลางในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานั้นจะต้องนำมาทำลายด้วยวิธีที่เหมาะสม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้ค้า นักลงทุน และเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาว่าสินค้าละเมิดฯ จะไม่ถูกนำกลับมาหมุนเวียนในท้องตลาดได้อีก
          นอกจากนี้ ยังสร้างความตระหนักรู้ให้สาธารณชนได้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดจากการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพร่างกายของผู้บริโภคอันเนื่องมาจากการใช้สินค้าปลอมที่ไม่มีคุณภาพและไม่ได้มาตรฐาน จากรายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2568 ไทยยังคงสถานะอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) รัฐบาลจึงพร้อมดำเนินการปราบปรามสินค้าละเมิดฯ อย่างเข้มข้นต่อไป โดยมุ่งหมายให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากบัญชีดังกล่าว
         นายจตุพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ของกลางที่นำมาทำลายทั้งที่กรุงเทพฯ จังหวัดสระบุรี และจังหวัดชลบุรี มีหลายประเภท เช่น เครื่องแต่งกาย นาฬิกา กระเป๋า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อะไหล่รถยนต์ รวมทั้งสินค้าจำพวกยา เครื่องสำอาง อาหารและเครื่องดื่ม โดยสินค้าทั้งหมดเป็นของกลางจากการจับกุมและตรวจยึดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,528,524 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 900 ล้านบาท
          “ดีใจที่เราทำให้เห็นว่าเราตั้งใจทำอย่างเต็มที่  การทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้วไม่ใช่น้อย เป็นจำนวนมากทั้ง 3 แห่งที่เรากำจัดในวันนี้ แสดงถึงความตั้งใจทำงานทุกภาคส่วน และความสำเร็จในการบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วย กรมทรัพย์สินทางปัญญา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน ที่ได้ดำเนินการปกป้อง คุ้มครองและป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง” นายจตุพร กล่าว
          อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนเจ้าของสิทธิแล้ว ประชาชนเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยการหลีกเลี่ยงและไม่สนับสนุนการละเมิดฯ “ไม่ซื้อ ไม่ขาย ไม่ใช้ของปลอม” นอกจากนี้ หากท่านใดพบเห็นว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สามารถแจ้งเบาะแสมาที่กองป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร. 02-547-4702 หรือสายด่วน 1368

 


image รูปภาพ
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image

Line

คะแนนโหวต :
starstarstarstarstar