Header Image
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล กับนางไฮดี แกลแลนท์ กรรมการบริหารหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย นางสาวอรกัญญา พิบูลธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารแห่งอเมริกา เมอร์ริล ลินซ์ สาขาประเทศไทย และประธานหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย พร้อมคณะผู้บริหารและผู้แทนบริษัทสมาชิก เมื่อวันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
watermark

          นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าร่วมการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล กับนางไฮดี แกลแลนท์ (Heidi Gallant) กรรมการบริหารหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (The American Chamber of Commerce in Thailand: AMCHAM) นางสาวอรกัญญา พิบูลธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารแห่งอเมริกา เมอร์ริล ลินซ์ สาขาประเทศไทย และประธานหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย พร้อมคณะผู้บริหารและผู้แทนบริษัทสมาชิก เข้าพบเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนสหรัฐอเมริกา โดยการประชุมครั้งนี้มีรัฐมนตรีที่มีบทบาทสำคัญด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
          ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเชื่อมั่นในการก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาลและได้นำเสนอวิสัยทัศน์ของรัฐบาลที่มุ่งมั่นทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น โดยมีนโยบายหลักในการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไปสู่ High Value Economy ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากการเน้น “ปริมาณ” ไปสู่การสร้าง “คุณค่า”และตอกย้ำความตั้งใจของไทยที่จะเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) ที่แน่นแฟ้นกับสหรัฐอเมริกาพร้อมเชิญชวนให้นักลงทุนชาวอเมริกันเพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย เช่น ดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ เซมิคอนดักเตอร์ และยานยนต์สมัยใหม่ รวมถึงตอกย้ำจุดมุ่งหมายการเป็นศูนย์กลาง (Hub) ด้านการลงทุนและการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานที่มีมูลค่าสูงของภูมิภาคอาเซียน
          สำหรับบทบาทสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ในการประชุมครั้งนี้ นางศุภจีฯ ได้กล่าวเสริมถึงบทบาทสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งสู่เศรษฐกิจมูลค่าสูง (High-Value Economy) ใน 3 มิติหลัก
          1. ผลักดันการค้ามูลค่าสูงและการขยายตลาด
             • มุ่งผลักดันการค้าสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันบทบาท “ครัวไทยสู่โลก” ผ่านการส่งเสริมสินค้าเกษตรแปรรูป และสินค้าอาหารแห่งอนาคต (Future Food)
             • สนับสนุนบทบาทของไทยให้เป็นศูนย์กลาง Wellness Economy
             • เร่งขยายตลาดผ่านการเจรจา FTA ที่มีมาตรฐานสูงขึ้น ได้แก่ ไทย-EFTA, ไทย-EU, ไทย-เกาหลีใต้, อาเซียน-แคนาดา พร้อมส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ที่มีอยู่ และบุกตลาดศักยภาพใหม่ เช่น เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และลาตินอเมริกา
          2. ยกระดับมาตรฐานทางเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นด้านการลงทุน
             • เจรจาข้อตกลงทางการค้าและข้อตกลงการค้าต่างตอบแทน (ART) โดยเฉพาะในประเด็นกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า (ROO) ซึ่งตั้งเป้าหมายที่จะเจรจาให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้
             • ยกระดับการปกป้องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา (IP) โดยเร่งปรับปรุงกฎหมายด้านลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร และสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือจาก AMCHAM ให้ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากบัญชี Watchlist
          3. ส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าแบบเติบโตอย่างยั่งยืน
             • สนับสนุน Green Products & Services และ Green Economy ซึ่งกลายเป็นเทรนด์สำคัญในการมีส่วนร่วมอยู่ในห่วงโซ่อุปทานและระบบการค้าระหว่างประเทศ
             • สนับสนุนการค้าสินค้า GI เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตอย่างกระจายตัว
          เน้นย้ำถึงความเป็น “ทีมไทยแลนด์” ที่ทำงานร่วมกันอย่างสอดประสาน ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานด้านเศรษฐกิจอื่นๆ เพื่อตอกย้ำจุดมุ่งหมายการเป็นศูนย์กลางด้านการลงทุนและการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานที่มีมูลค่าสูงของภูมิภาค
          ในตอนท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวขอบคุณสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการรับฟังมุมมองอย่างเปิดกว้างและสร้างสรรค์ โดยแสดงความจริงใจที่จะนำความเห็นและข้อเสนอแนะ ไปพิจารณาเพื่อนำไปสู่การทำงานที่เป็นรูปธรรม และย้ำอีกครั้งถึงความปรารถนาดีที่จะร่วมมือเป็นหุ้นส่วนกับสหรัฐอเมริกา เพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจร่วมกันระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ

 


image รูปภาพ
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image

Line

คะแนนโหวต :
starstarstarstarstar