วันที่ 30 กันยายน 2568
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มอบนโยบายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ผลักดันการค้าระหว่างประเทศ เพิ่มมูลค่าการส่งออก รักษาตลาดเดิม และบุกตลาดใหม่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ตอบโจทย์นโยบาย “Quick Big Win” ของรัฐบาล โดยนางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พร้อมด้วย นายพรวิช ศิลาอ่อน นายสุรินทร สุนทรสนาน และนางสุภาพร สุขมาก รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมแถลงความสำเร็จโครงการ “Special Task Force: STF” ที่สามารถสร้างมูลค่าคำสั่งซื้อ 3,028.56 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้เกือบ 2 เท่า ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการกระจายรายได้ลงสู่อุตสาหกรรมและช่วยพยุงการจ้างงานในห่วงโซ่อุปทานของประเทศ
นางสาวสุนันทา กล่าวว่า โครงการ Special Task Force เป็นมาตรการที่ช่วยผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์ โดย DITP ได้หารือร่วมกับภาคเอกชน ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย คัดเลือกตลาดเป้าหมายที่เป็นตลาดศักยภาพใหม่ใน 4 ภูมิภาค โดยการจัดคณะผู้แทนการค้า 5 คณะ ครอบคลุมสินค้าเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม ตั้งเป้าผู้ประกอบการ 179 ราย คาดว่าจะได้คำสั่งซื้อราว 1,600 ล้านบาท แต่ผลลัพธ์จริงทะลุเป้ากว่า 3,000 ล้านบาท ถือว่าประสบความสำเร็จสูงมาก
โดยคณะผู้แทนการค้า 5 คณะ ประกอบด้วย
-ลาตินอเมริกา (อาร์เจนตินา ชิลี บราซิล) กลุ่มสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องจักร วัสดุก่อสร้าง อาหารกระป๋องและขนมขบเคี้ยว มูลค่า 595.47 ล้านบาท
-ตะวันออกกลาง (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) กลุ่มสินค้าอาหารอนาคต อาหารสัตว์และอาหารสัตว์เลี้ยง มูลค่า 207.33 ล้านบาท
-แอฟริกา (มาลี เซเนกัล โกตดิวัวร์) กลุ่มสินค้าเครื่องจักรกลการเกษตรและเครื่องจักรแปรรูป มูลค่า 796.76 ล้านบาท
-อินเดีย กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร วัสดุก่อสร้าง และสินค้าโครงการใหญ่ มูลค่า 1,329 ล้านบาท
-อินเดีย กลุ่มสินค้าอาหารและอุตสาหกรรมผลิตอาหาร มูลค่า 100 ล้านบาท
นางสาวสุนันทา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลตอบรับจากหลายตลาดเป็นสิ่งที่เราเองก็นึกไม่ถึง เช่น ลาตินอเมริกา โดยเฉพาะอาร์เจนตินาและชิลี ผู้ประกอบการประทับใจมาก ไม่คิดว่าตลาดชิลีจะสนใจสินค้าไทยมากขนาดนี้ มีการเรียกร้องให้เราไปขยายผลต่อ ทั้งตลาดแคริบเบียนและอเมริกากลาง เช่น โคลัมเบีย เปรู เอกวาดอร์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง
นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังสะท้อนว่า การเดินทางไปเปิดตลาดในลักษณะไปเป็นทีมกับภาครัฐทำให้เกิดความมั่นใจและสร้างพลังร่วมหลายรายบอกตรงกันว่าถ้าไปเองคงลำบากซึ่งโครงการ STF ใช้งบประมาณเพียง 33 ล้านบาท แต่สร้างผลลัพธ์เชิงเศรษฐกิจสูงถึง 3,028.56 ล้านบาท ช่วยให้ผู้ประกอบการกว่า 149 รายสามารถยืนหยัดได้ และยังพยุงการจ้างงานในซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ทั้งด้านโลจิสติกส์ บรรจุภัณฑ์ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
“นโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางศุภจี สุธรรมพันธุ์) เน้นผลลัพธ์ภายใน 4 เดือน หรือ Quick Big Win ทำให้เราต้องวางแผนเจาะตลาดตรงเป้าตรงสินค้า งบประมาณที่จำกัดต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และผลที่ออกมาพิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง”นางสาวสุนันทา กล่าว
สำหรับช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2568 DITP เตรียมบุกตลาดใหม่เพิ่มเติมอีก 3 คณะ คาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มกว่า 190 ล้านบาท และเสริมความแข็งแกร่งของผู้ประกอบการไทยในระยะยาว ได้แก่
1.จีนตะวันตก (เฉิงตู ฉงชิ่ง สิบสองปันนา) กลุ่มสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม และอาหารสัตว์เลี้ยง
2.อาเซียน (เวียดนาม) กลุ่มสินค้าแม่และเด็ก
3.อินเดีย (มุมไบ) กลุ่มสินค้าและบริการเพื่อสิ่งแวดล้อม