ในยุคที่ค่าเฉลี่ยอายุขัยของคนไทยขยับสูงขึ้นถึง 76.8 ปี การมีชีวิตที่ยืนยาวจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของสุขภาพ แต่รวมถึงการจัดการด้านการเงิน ความมั่นคง ไปจนถึงการเตรียมตัวในวาระสุดท้าย แนวโน้มใหม่นี้ผลักดันให้เกิดการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ “การออกแบบชีวิต” โดยเฉพาะ ธุรกิจประกันชีวิต ที่ปรึกษาการลงทุน และธุรกิจเกี่ยวกับการจากลา
ธุรกิจประกันชีวิตยังคงเป็นตลาดขนาดใหญ่ ด้วยทุนจดทะเบียนรวมกว่า 106,966 ล้านบาท มีนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องเกือบ 1,000 ราย แม้ต้องใช้เงินทุนสูง แต่ความนิยมไม่ลดลง เพราะประกันชีวิตตอบโจทย์การออม การดูแลสุขภาพ การศึกษา ไปจนถึงการส่งต่อมรดกให้ครอบครัว ในปี 2567 เพียงปีเดียว ธุรกิจนี้มีรายได้กว่า 571,601 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 31.31% เมื่อเทียบกับปีก่อน
เมื่อผู้คนต้องการความมั่นใจในอนาคต การพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจึงกลายเป็นทางเลือกสำคัญ ธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนมีนิติบุคคลกว่า 800 ราย สร้างรายได้รวมในปี 2567 กว่า 4,944 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,035 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 12.64% จากปีก่อนหน้า พร้อมดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ สะท้อนความเชื่อมั่นในตลาดไทย
การพูดถึง “การจากลา” ไม่ใช่เรื่องน่าหลีกเลี่ยงอีกต่อไป คนรุ่นใหม่เริ่มยอมรับและเลือกที่จะวางแผน เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับครอบครัว ทำให้ธุรกิจบริการเกี่ยวกับงานศพและการออกแบบวาระสุดท้ายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น แต่ปี 2567 ก็ทำรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 12.79% และมีบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่การปรึกษา การจัดงาน ไปจนถึงการดูแลหลังความตาย
การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมผู้สูงอายุ และโครงสร้างครอบครัวขนาดเล็ก ทำให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับการวางแผนชีวิตทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ การเงิน หรือการจากลา ธุรกิจทั้ง 3 ประเภทจึงไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือด้านเศรษฐกิจ แต่ยังสะท้อนความต้องการของผู้บริโภคในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและมีความหมายในทุกช่วงวัย