วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เชิญผ้าพระกฐินพระราชทานของกระทรวงพาณิชย์ ไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ ผู้จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ที่วัดเขมาภิรตาราม ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี โดยมี นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ คณะข้าราชการ บุคลากรสังกัดกระทรวงพาณิชย์ และพุทธศาสนิกชน ร่วมด้วย
ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถวายความเคารพและถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนรับผ้าพระกฐินพระราชทานจากพาน เดินเข้าสู่พระอุโบสถ พร้อมวางผ้าพระกฐินบนพานแว่นฟ้า พระสงฆ์กระทำพิธีอปโลกนกรรม และพระสงฆ์รูปที่ได้รับฉันทานุมัติให้เป็นผู้ครองผ้าพระกฐินลงไปครองผ้า
จากนั้นนายพิชัย ถวายเครื่องบริวารพระกฐิน โดยมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ถวายเครื่องจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ ต่อจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถวายใบปวารณาแด่ประธานพระสงฆ์ และกรวดน้ำ รับพร เสร็จแล้วกราบลาพระประธานประจำพระอุโบสถและพระสงฆ์ โดยยอดเงินที่ถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของกระทรวงพาณิชย์ ประจำปี 2567 เป็นจำนวนยอดเงินรวม 2,822,780.07 บาท โดยมีประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมสมทบด้วย และในโอกาสนี้ได้มอบเงินบำรุงการศึกษาแก่โรงเรียนในอุปการะของวัดเขมาภิรตาราม จำนวน 4 โรงเรียน ประกอบด้วย 1.โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม 2.โรงเรียนสตรีนนทบุรี 3.โรงเรียนกลาโหมอุทิศ และ 4.โรงเรียนวัดปากน้ำ(พิบูลย์สงคราม)
วัดเขมาภิรตาราม ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ในเขตตำบลสวนใหญ่ ห่างจากตัวเมืองมาทางด้านใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร ด้านหน้าของวัดติดริมฝั่งแม่น้ำ ส่วนด้านหลังติดถนนพิบูลสงคราม มีพื้นที่ประมาณ 26 ไร่เศษ เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดราชวรวิหาร สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เรียกว่า “วัดเขมา” ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นวัดอยู่ในสังกัดบัญชีกฐินหลวงของกรมพระราชวังบวรฯ
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) สมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระบรมราชินี ทรงขอวัดนี้มาอยู่ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ เรียกว่า วัดเขมา ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งพระอาราม และพระราชทานนามว่า “วัดเขมาภิรตาราม” ในปี พ.ศ. 2525 พระบรมราชวงศ์จักรี มีอายุ 200 ปี มีพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ คณะกรรมการวัด มีความเห็นว่าวัดนี้มีความสำคัญกับราชวงศ์จักรี พระบรมวงศานุวงศ์ทรงให้ความอุปถัมภ์บำรุงมาตลอด จึงมีมติสร้างศาลาอเนกประสงค์ชื่อ “ศาลา 200 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ภายในวัดมีพระมหาเจดีย์ สูง 30 เมตร อยู่ด้านหลังโบสถ์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระประธานเป็นพระพุทธรูปหล่อเก่าแก่ ศิลปะสมัยอยุธยาอัญเชิญมาจากพระราชวังจันทร์เกษม และมีพระตำหนักแดงและพระที่นั่งมณเฑียรตั้งอยู่ด้วย