ภายใต้แนวคิด "ตลาดนำการผลิต" กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าผลักดัน "กล้วยหอมเขียว" หรือกล้วยคาเวนดิช เป็นพืชส่งออกศักยภาพสูงสู่ตลาดญี่ปุ่น ผ่านกรอบความตกลง JTEPA โดยเริ่มนำร่องในพื้นที่แปลงใหญ่เสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งพบว่าให้รายได้ต่อไร่สูงกว่ากล้วยหอมทองถึง 14% พร้อมแผนขยายผลต่อยอดสู่จังหวัดอื่น ๆ สร้างรายได้มั่นคงและยั่งยืนให้เกษตรกรไทย
.
หนึ่งในความสำเร็จที่ชัดเจน คือการรวมกลุ่มของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้ “กลุ่มแปลงใหญ่กล้วยหอมทองสุขไพบูลย์ จำกัด” ที่สามารถผลิตกล้วยหอมทองได้ตามมาตรฐาน GAP และ GMP ส่งออกได้จริงภายใต้กรอบ JTEPA ล่าสุดมีการลงนาม MOU กับบริษัทนำเข้าญี่ปุ่น เพื่อส่งออกกล้วยหอมทอง 5,000 ตัน มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ซึ่งได้เริ่มส่งออกล็อตแรกแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 และเตรียมส่งออกต่อเนื่องในปี 2568
.
จากความสำเร็จของกล้วยหอมทอง กระทรวงพาณิชย์จึงเล็งเห็นศักยภาพของ “กล้วยหอมเขียว” (คาเวนดิช) ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่น ทั้งความทนทานต่อโรค ความสามารถในการเก็บรักษา และผลผลิตเฉลี่ยสูงถึง 12.5 ตัน/ไร่ ขณะที่กล้วยหอมทองเฉลี่ยเพียง 6 ตัน/ไร่ แม้ราคาขายกล้วยหอมเขียวอยู่ที่ 10–12 บาท/กิโลกรัม (ต่ำกว่ากล้วยหอมทองที่ 18–22 บาท/กิโลกรัม) แต่เมื่อนำมาคำนวณรายได้กลับพบว่า กล้วยหอมเขียวสามารถสร้างรายได้รวมสูงกว่า
.
ตัวอย่างชัดเจนในพื้นที่ 400 ไร่ที่กรมการค้าภายในให้การสนับสนุน พบว่าการปลูกกล้วยหอมเขียวสามารถสร้างรายได้รวมถึง 50–60 ล้านบาท เทียบกับกล้วยหอมทองที่มีรายได้ประมาณ 43.2–52.8 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4–14% หรือเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นไร่ละ 5,000–18,000 บาท
.
เพื่อขับเคลื่อนนโยบายนี้ให้เป็นรูปธรรม กรมการค้าภายใน ได้วางแผนสนับสนุนเกษตรกรอย่างครบวงจร ตั้งแต่การลงพื้นที่ให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต การดูแลหลังการเก็บเกี่ยว การคัดคุณภาพผลผลิต ตลอดจนเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตลาดญี่ปุ่น พร้อมสนับสนุนพันธุ์กล้วยหอมเขียวต้นแบบกว่า 128,000 ต้น ครอบคลุมพื้นที่กว่า 400 ไร่ และมีแผนลงนาม MOU กับภาคเอกชนเพื่อเชื่อมโยงการตลาดส่งออกโดยตรง
.
การใช้สิทธิประโยชน์จากกรอบความตกลง JTEPA ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้กล้วยหอมไทยสามารถเจาะตลาดญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า และจากแนวโน้มความต้องการของผู้นำเข้าญี่ปุ่นที่ยังคงมั่นใจในคุณภาพกล้วยหอมไทย กระทรวงพาณิชย์จึงวางแผนขยายโมเดลแปลงใหญ่กล้วยหอมเขียวจากเสิงสางสู่จังหวัดอื่น ๆ โดยใช้กลไก “ตลาดนำการผลิต” เป็นเครื่องมือหลัก เชื่อมโยงตลาดต่างประเทศก่อนวางแผนการผลิต
.
แม้ปัจจุบันกล้วยหอมทองยังคงเป็นพืชส่งออกหลักในจังหวัดนครราชสีมา ด้วยพื้นที่ปลูกกว่า 1,175 ไร่ ผลผลิต 12,818 ตัน (ปี 2567) แต่กล้วยหอมเขียวกำลังกลายเป็น “สินค้าดาวรุ่ง” ที่มีศักยภาพส่งออกไม่แพ้กัน และเมื่อขับเคลื่อนควบคู่กันด้วยระบบแปลงใหญ่ การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากรัฐ ก็จะสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้เกษตรกรไทยได้ในระยะยาว
.
กระทรวงพาณิชย์พร้อมเป็นกลไกหลักในการพาเกษตรกรไทยก้าวสู่เวทีโลก ด้วยการเชื่อมโยงตลาด สร้างความได้เปรียบทางการค้า และต่อยอดผลผลิตคุณภาพสูงไปยังประเทศคู่ค้า สร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน