ในยุคที่ผู้บริโภคมองหาความสะดวกสบายและเข้าถึงสินค้าได้ตลอดเวลา “ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ” กำลังกลายเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่น่าจับตา พื้นที่เล็ก ๆ เช่น ในจุดพักคอยของห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า หรือมุมคอนโดฯ ถูกพลิกให้เป็นช่องทางทำเงิน ที่ตอบโจทย์ทั้งความรวดเร็วของลูกค้าและโอกาสการลงทุนของผู้ประกอบการ
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการในธุรกิจขายปลีกโดยไม่มีร้าน รวมถึงตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติทั้งสิ้นกว่า 760 ราย ทุนจดทะเบียนรวมกว่า 5,962 ล้านบาท โดยกว่า 95% เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก แต่กลับสร้างรายได้รวมในปี 2567 สูงถึง 10,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 34.74% จากปีก่อนหน้า
ที่สำคัญ ธุรกิจนี้ยังดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศรวมกว่า 619 ล้านบาท โดยมี ฮ่องกง หมู่เกาะเคย์แมน และออสเตรีย อยู่ใน 3 อันดับที่เข้ามาลงทุนสูงที่สุด
โอกาสของผู้ประกอบการไทย
เสน่ห์ของธุรกิจนี้คือ “ลงทุนไม่มาก แต่สร้างผลตอบแทนได้จริง” เพราะไม่ต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ ไม่ต้องมีพนักงาน และขายสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพียงเลือกทำเลที่เหมาะสม ก็สามารถเปลี่ยน “พื้นที่เล็ก ๆ” ให้กลายเป็นรายได้หลักได้ทันที
รูปแบบการลงทุนก็มีทางเลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
- การซื้อเครื่องเอง
- การเช่าเครื่อง
- การเข้าร่วมแฟรนไชส์
เมื่อผสานเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ระบบจ่ายเงินดิจิทัล หรือ AI ที่ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค ก็ยิ่งทำให้บริการตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น และสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืน
ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ จึงไม่ใช่เพียง “เครื่องขายน้ำหรือขนม” ที่คุ้นตา แต่กำลังเป็น สัญลักษณ์ของการค้าปลีกยุคดิจิทัล ที่สะท้อนวิถีชีวิตใหม่ของผู้บริโภค ที่หากผู้ประกอบการมีกลยุทธ์ที่เหมาะสม ก็สามารถพลิกโอกาสให้ธุรกิจเล็ก ๆ เติบโตขึ้นได้