อุตสาหกรรมเพลง T-POP กำลังเดินหน้าอย่างสดใสในปี 2025 ด้วยแรงสนับสนุนจากแฟนเพลงทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการพัฒนาผลงานที่มีคุณภาพ จนกลายเป็นมากกว่าดนตรี แต่คือ “วัฒนธรรม” และ “Soft Power” ที่ช่วยผลักดันศิลปินไทยก้าวขึ้นสู่เวทีโลกได้อย่างสง่างาม
กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการผลักดันอุตสาหกรรมดนตรีไทยอย่างจริงจัง โดยชู ทรัพย์สินทางดนตรี (Music IP) เป็นหัวใจสำคัญของรายได้ในยุคดิจิทัล พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความท้าทายจากเทคโนโลยี AI และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อให้ศิลปินไทยสามารถสร้างรายได้จากผลงานของตนได้เต็มศักยภาพ และขยายไปสู่ตลาดสากลอย่างมั่นคง
กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้เดินหน้าส่งเสริมการคุ้มครองลิขสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาระบบแจ้งข้อมูลออนไลน์ การสร้างความรู้ความเข้าใจด้านลิขสิทธิ์แก่สาธารณชน และการส่งเสริมระบบการจัดเก็บและจัดสรรค่าลิขสิทธิ์ที่โปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แก่อุตสาหกรรมเพลงไทย
ขณะเดียวกัน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้วางยุทธศาสตร์ผลักดัน “Creative Industry” ครอบคลุมสาขาหนังสือ เกม ดนตรี และแฟชั่น เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุน โดยล่าสุดเตรียมจัดงาน “Thai Music Meetup – Gan Bei” ในวันที่ 17 กันยายน 2568 ที่ไต้หวัน ซึ่งมีตลาดดิจิทัลเติบโตสูงและคาดปี 2568 มีมูลค่ากว่า 45,000 ล้านบาท โดยกว่า 88% มาจาก Music Streaming งานดังกล่าวไม่เพียงเป็นเวทีเจรจาธุรกิจ แต่ยังเป็นโอกาสสร้างเครือข่ายกับผู้จัดเทศกาลดนตรี ผู้นำเข้าศิลปิน และสื่อมวลชนต่างประเทศ เพื่อปักหมุดความนิยมของเพลงไทยอย่างยั่งยืน
ข้อมูลจาก IFPI Global Music Report 2024 ยังสะท้อนว่า อุตสาหกรรมดนตรีไทยกำลังมาแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในปี 2567 มีมูลค่าตลาดกว่า 3,400 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 18.1 จากปีก่อนหน้า และก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 26 ของโลก ถือเป็น Soft Power ที่ช่วยสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจและเสริมภาพลักษณ์อันน่าภาคภูมิใจให้กับประเทศไทย
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังมีแผนเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเพลงไทยให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งอยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎหมายเพื่อกำกับดูแลการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ในประเทศไทยให้มีความโปร่งใสและเป็นธรรม เป็นประโยชน์ทั้งแก่เจ้าของลิขสิทธิ์และผู้ใช้งาน เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ดีให้อุตสาหกรรมเพลงไทยสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
อุตสาหกรรมเพลงไทยในวันนี้ จึงไม่เพียงแต่เป็น “เสียงดนตรี” หากยังเป็น “พลังเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ที่กำลังขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางดนตรีในระดับสากลอย่างแท้จริง