รมว.พาณิชย์ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” มุ่งดูแลประชาชนทุกกลุ่ม – เสริมแกร่งผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดโลก
กระทรวงพาณิชย์ภายใต้การนำของ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินหน้ายุทธศาสตร์ “7 นโยบายสำคัญ” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต
อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน สอดรับกับบริบทเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ครอบคลุมทั้งการดูแลค่าครองชีพ การรักษาเสถียรภาพสินค้าเกษตร การพัฒนา SMEs และการเปิดตลาดการค้าใหม่ทั่วโลก
1. รับมือภาษีสหรัฐฯ และการเจรจาการค้า
กระทรวงพาณิชย์เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ 19% และการตรวจสอบสินค้าสวมสิทธิ์ โดยพัฒนาระบบตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้า
ให้เชื่อมโยงและโปร่งใส พร้อมจัดอบรมผู้ประกอบการให้เข้าใจกฎเกณฑ์ใหม่ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ลดความเสี่ยง และรักษาความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ
2. การค้าชายแดนไทย–กัมพูชา
เดินหน้าบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนผ่านโครงการ “Quick Big Win” เช่น มหกรรมธงฟ้าในพื้นที่ชายแดนและเมืองเศรษฐกิจ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพประชาชน
พร้อมเชื่อมโยงตลาดออนไลน์–ออฟไลน์ และเตรียมจัดงานการค้าชายแดนปี 2569 เพื่อขยายโอกาสทางการค้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน
3. FTA และบุกตลาดใหม่
เร่งผลักดันการเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย ได้แก่
• FTA ไทย–EFTA ภายในไตรมาส 1 ปี 2569
• FTA ไทย–อียู ภายในไตรมาสแรกปี 2569
• CEPA ไทย–เกาหลีใต้ ภายในปี 2568
ควบคู่กับการส่งเสริมผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ให้ใช้สิทธิประโยชน์ภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อขยายตลาดและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน
4. ดูแลค่าครองชีพประชาชน
กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าควบคุมราคาสินค้าและบริการจำเป็น 57 รายการให้สอดคล้องกับต้นทุนจริง พร้อมขอความร่วมมือผู้ผลิตชะลอการปรับขึ้นราคาสินค้าหลัก เช่น น้ำมันปาล์ม นม ไข่ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นอกจากนี้ยังจัด มหกรรมลดราคาสินค้า และ มหกรรมธงฟ้า ทั่วประเทศ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ โดยมี “Quick Big Win” สำคัญคือ โครงการลดราคายาและเวชภัณฑ์ ร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชนเปิดเผยราคายาให้ประชาชนเลือกซื้อภายนอกได้ คาดช่วยลดค่าใช้จ่ายรวมกว่า 32,400 ล้านบาท
5. รักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร
กระทรวงพาณิชย์เน้นบริหารจัดการอุปสงค์–อุปทานอย่างเป็นระบบ ติดตามสถานการณ์และใช้มาตรการพยุงราคาทันท่วงที พร้อมเตรียมรับมือผลผลิตข้าวช่วงปลายปี
ด้วย 4 มาตรการหลัก เช่น สินเชื่อชะลอการขาย และ เงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท นอกจากนี้ ยังผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญ เพื่อดูดซับผลผลิตส่วนเกิน และควบคุมการนำเข้าข้าวโพดที่มาจากการเผา ลดแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมและรักษาราคาภายในประเทศ
6. เสริมแกร่งผู้ประกอบการ SMEs และเพิ่มมูลค่าสินค้าไทย
กระทรวงพาณิชย์บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร พัฒนาผู้ประกอบการด้านการเงิน การบริหารจัดการ และตลาดดิจิทัล ผ่าน DBD Academy
พร้อมส่งเสริม สินค้า GI เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น ทุเรียนชุมพร ไก่เบตงยะลา ผ้าทอนาหมื่นศรี และมะยงชิดแม่ย่าสุโขทัย
รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดใหม่ ๆ เช่น “Coffee Fest and Rice Fest 2025” เพื่อเปิดโอกาสการขายและสร้างเครือข่ายธุรกิจ
7. ปรับกฎระเบียบและใช้เทคโนโลยี
กระทรวงพาณิชย์นำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและรับฟังเสียงประชาชนอย่างใกล้ชิด เช่น
• ระบบแจ้งเรื่องผ่าน LINE Application
• ระบบ AI ฟังเสียงจากข่าว เพื่อวิเคราะห์ปัญหา
• ระบบ “AI คิดค้า” ผู้ช่วยข้อมูลการค้าอัจฉริยะ
รวมถึงส่งเสริมการค้าดิจิทัลผ่าน Thailandpostmart ให้สินค้าท้องถิ่นเข้าถึงตลาดออนไลน์ได้มากขึ้น
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ย้ำว่า “นโยบายทั้ง 7 ด้านนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นของกระทรวงพาณิชย์ในการทำงานเชิงรุก ดูแลประชาชนทุกกลุ่ม สนับสนุนภาคธุรกิจ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน และแข่งขันได้ในระดับโลก”