กรมการค้าภายใน (DIT) เร่งดูแลราคาข้าวเหนียวจังหวัดเชียงใหม่ หลังชาวนาได้รับผลกระทบจากราคาตกต่ำเหลือกิโลกรัมละ 7 บาท อธิบดีกรมการค้าภายในยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจ เดินหน้ามาตรการพยุงราคา พร้อมตรวจเข้มโรงสีป้องกันการกดราคา และเร่งลดต้นทุนปุ๋ย–ยาผ่านโครงการ “ธงเขียว” เพื่อให้เกษตรกรขายข้าวได้ในราคาที่เป็นธรรม
นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า “กรมการค้าภายใน (DIT) ได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของชาวนาในจังหวัดเชียงใหม่ที่รวมตัวเรียกร้องให้ภาครัฐเข้าดูแลราคาข้าวเปลือกเหนียวที่ตกต่ำอยู่ในขณะนี้ ซึ่งชาวนาได้รับราคาจำหน่ายเพียงกิโลกรัมละ 7 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตสูง ทำให้ไม่คุ้มทุน โดยชาวนาเรียกร้องให้รัฐช่วยพยุงราคาขายให้ได้อย่างน้อยกิโลกรัมละ 10 บาท และให้ช่วยควบคุมราคาปุ๋ยและสารเคมีการเกษตรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม”
นายวิทยากร กล่าวต่อว่า “กรมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร และให้ความสำคัญกับการดูแลราคาข้าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยใช้ 4 มาตรการหลักในการพยุงราคาข้าวเปลือกนาปี และช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร ซึ่งรวมถึงข้าวเปลือกเหนียวของจังหวัดเชียงใหม่ด้วย ได้แก่
1. มาตรการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี เพื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรสามารถเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของตนเอง ไม่ต้องเร่งขายในช่วงที่ราคาต่ำ โดยเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับสินเชื่อปลอดดอกเบี้ย พร้อมค่าฝากเก็บและค่ารักษาคุณภาพข้าว
2.มาตรการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร สามารถรวบรวมข้าวเปลือกไปจำหน่ายหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น ช่วยดูดซับผลผลิตออกจากตลาดในช่วงเก็บเกี่ยว
3. มาตรการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าว เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถเก็บสต็อกข้าวไว้ได้โดยไม่ต้องเร่งระบายผลผลิตในช่วงที่ราคาต่ำ เป็นการเพิ่มสภาพคล่องและช่วยให้ผู้ค้าข้าวสามารถรับซื้อผลผลิตจากชาวนาได้ในราคาที่เหมาะสม
และ 4 มาตรการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีและส่งเสริมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ ปีการผลิต 2568/69 หรือโครงการไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 10 ไร่ โดยในจังหวัดเชียงใหม่โอนเงินช่วยเหลือให้เกษตรกรแล้ว 69,985 ครัวเรือน วงเงินจำนวน 430 ล้านบาท
นายวิทยากร กล่าวต่ออีกว่า “นอกจากนี้ DIT มีกิจกรรมการจัดตลาดนัดข้าวเปลือกโดยประสานโรงสีทั้งในพื้นที่และจากต่างพื้นที่เข้ามารับซื้อข้าวเปลือกในพื้นที่ เพื่อเพิ่มการแข่งขันด้านราคาและลดการกดราคารับซื้อ ในส่วนของการดูแลไม่ให้เกษตรกรถูกเอารัดเอาเปรียบ กรมได้ให้เจ้าหน้าที่สายตรวจกรมการค้าภายในเข้าตรวจสอบการรับซื้อข้าวเปลือกในพื้นที่อย่างเข้มงวด ทั้งโรงสีและผู้ประกอบการค้าข้าวต้องแสดงราคารับซื้อให้ชัดเจนตามมาตรฐานความชื้น รวมถึงอัตราการหักลดน้ำหนักสิ่งเจือปน ต้องมีใบอนุญาตประกอบการค้าข้าวถูกต้อง ใช้เครื่องชั่งและเครื่องวัดความชื้นที่เที่ยงตรงตามกฎหมาย หากพบการกระทำที่เอาเปรียบหรือกดราคารับซื้อ จะดำเนินการตามกฎหมายทันที โดยหากเกษตรกรพบการรับซื้อข้าวเปลือกที่ไม่เป็นธรรม หรือมีการกดราคา สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร. 1569 เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและดำเนินการอย่างรวดเร็ว
ส่วนของการช่วยลดต้นทุนการผลิต กรมได้เตรียมจัดกิจกรรม “ธงเขียว” จำหน่ายปุ๋ยราคาประหยัด เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรโดยตรง
สำหรับสถานการณ์ผลผลิตข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ปลูกประมาณ 510,000 ไร่ ลดลงร้อยละ 3.42 ผลผลิตรวมประมาณ 318,000 ตัน ลดลงร้อยละ 3.57 โดยข้าวที่ปลูกส่วนใหญ่เป็นข้าวเจ้าพื้นเมืองและข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตอง 1 ขณะนี้ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้วร้อยละ 2 โดยราคาข้าวเปลือกเหนียวความชื้น 25–30% อยู่ที่ตันละ 6,900–7,000 บาท ซึ่งเป็นราคาช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยว และคาดว่าราคาจะทยอยปรับตัวดีขึ้นเมื่อมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐเริ่มมีผลอย่างเป็นรูปธรรม
นายวิทยากร กล่าวเพิ่มเติมว่า “ขณะนี้เราได้เร่งประสานทุกภาคส่วนเพื่อให้ราคาข้าวเปลือกสะท้อนต้นทุนการผลิตที่เป็นธรรม เชื่อมั่นว่ามาตรการทั้งหมดที่ดำเนินการจะช่วยพยุงราคาข้าวในฤดูกาลนี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สร้างความมั่นใจและความเป็นธรรมให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ”